บิล เกตส์ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟต์กล่าวว่า การเติบโตของจีนถือเป็น “ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับโลก” ระหว่างให้สัมภาษณ์ในออสเตรเลียเมื่อวันจันทร์
เกตส์แสดงความคิดเห็นในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถาบันโลวี ซึ่งเป็นคลังความคิดที่ตั้งอยู่ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
“ผมมักจะมองว่าการผงาดขึ้นของจีนเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับโลก” เกตส์กล่าว “ฉันหมายความว่า นั่นคือ 20% ของมนุษยชาติ ทุกวันนี้พวกเขาเทียบสัดส่วนกับเศรษฐกิจโลก และสัดส่วนของประชากรโลกก็ตรงกันพอดี ประเทศอย่างออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา เรามีจีดีพีต่อหัวเป็น 5 เท่าของที่จีนมี ดังนั้นเราจึงมีส่วนแบ่งที่ไม่สมส่วนกับเศรษฐกิจโลก”
ความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับประเทศคอมมิวนิสต์เป็นการตอบคำถามที่ถามเกตส์ว่าเขา “รั้น” แค่ไหนในจีน
ผู้ป่วย COVID-19 ขั้นวิกฤตในจีนลดลง 72% หลังจากพุ่งสูงสุดเมื่อต้นเดือนนี้
บิลเกตส์ในสกอตแลนด์
“คุณรู้ไหม ฉันคิดว่าความคิดในปัจจุบันของสหรัฐฯ ต่อจีน และที่ต่างตอบแทนกันนั้นเป็นความคิดแบบเสีย-เสีย คือถ้าคุณถามนักการเมืองสหรัฐฯ ว่า ‘เฮ้ คุณอยากให้เศรษฐกิจจีนหดตัว 20% หรือเติบโตไหม? 20%’ ฉันเกรงว่าพวกเขาจะลงมติว่า ‘ใช่ มาทำให้ผู้คนเหล่านั้นเดือดร้อนกันเถอะ’ ไม่เข้าใจว่าสำหรับเศรษฐกิจโลก การคิดค้นยารักษามะเร็ง การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คุณก็รู้ว่าเราทุกคนอยู่ในนี้ ด้วยกัน.”
ในขณะที่วาดภาพการผงาดขึ้นของจีนในเชิงบวก เกตส์ยอมรับว่าประเทศนี้ “ไม่ใช่ประชาธิปไตย” และเป็น “สิ่งผิดปกติในปัจจุบันในแง่ของความมั่งคั่งระดับนั้น และยังคงเป็นเผด็จการเหมือนเดิม”
GALLAGHER กล่าวหาว่าผู้ดูแลระบบ BIDEN ถูก ‘แบ่งแยก’ ไม่ว่าจีนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเป็นภัยคุกคามสูงสุดต่อเรา
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เกตส์ยังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ อยู่ในสถานะอ่อนแอทางการเมือง โดยเสริมว่าประเทศอย่างจีนจำเป็นต้องมีบทบาทมากขึ้นในการกำกับดูแลโลก
“สหรัฐฯ อ่อนแอทางการเมืองในวันนี้ ผมจะบอกว่ามันน่ากลัวสำหรับโลกมากกว่าที่เคยเป็นมา ระบบโลกปัจจุบันได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้นำสหรัฐฯ” เกตส์กล่าว “ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ร่ำรวยขึ้น ประเทศที่มีรายได้ปานกลางเหล่านี้รวมทั้งจีนและอินเดีย จำเป็นต้องมีบทบาทที่แข็งแกร่งขึ้นในธรรมาภิบาลโลก”